คลิกเพิ่มความสนุกในการฟังเม้าซี่ ปากดี เรดิโอ

คลิกเพิ่มความสนุกในการฟังเม้าซี่ ปากดี เรดิโอ
www.mouzeeradio.com

เม้าซี่ เม้าท์ซ่า ประสาไผ่แก้ว ตอน4



ทางสู้ ...... สู่ฝัน อันปัจเจก

เวลาที่มีคนมาถามคุณว่า  เพลงที่ชอบคือเพลงอะไร    คุณใช้เวลาคิดกี่วินาที
ถ้าคุณคิดนานเกิน 1 วินาที  แปลว่า ไม่ชอบจริงๆแล้วล่ะ 
เพราะถ้าชอบจริงๆ  เพลงเหล่านั้นจะประทับอยู่ที่ริมฝีปากของคุณเลย  ไม่ใช่ติดอยู่ที่ริมฝีปากด้านใน แล้วต้องใช้เวลาคิด  แต่มันต้องหลุดออกมาราวกับมันเกาะอยู่ที่ริมฝีปากนอก พร้อมที่จะหลุดออกมาได้ตลอดเวลา .
และถ้ามีใครถามไหมว่า  เพลงที่ไหมชอบ  มีเพลงอะไรบ้าง  เพลงที่หลุดออกมา เป็นเพลงแรก  หรือ บางครั้งอาจจะเป็นเพลงที่สอง  นั่นก็คือ เพลงนี้  เวอร์ชั่นนี้
  
                                                                   



                                                                                                 เพลงที่ถือได้ว่า เป็นเพลงสัญลักษณ์แห่งนักสู้   เป็นวิถีทางแห่งผู้เรียนรู้โลก และเป็นเสมือนเสื้อสามารถของคนที่คิดว่าตัวเองผ่านโลก  และลุยฝ่าฟันอุปสรรคมามากมาย  ไหมฟังเพลงนี้ ครั้งแรกตอนไหนก็   จำไม่ได้  แต่จำได้ถึงความรู้สึกว่า ตอนนั้น รวมความแล้ว  แปลออกแค่ประโยคท้ายๆ ว่า  เออ ! ฉันทำทุกอย่างตามแบบฉบับของฉัน  ไม่รู้ล่ะ อะไรจะยังไง  แต่ฉันก็มีวิธีและวิถีของตัวฉันเอง  5555

                คนเรามันก็เจอหลายช่วงของชีวิต ขาขึ้น ขาลง ขาเทียม(เฮ้ย!)  บางครั้งความสุขมันก็เข้ามาเป็นขาประจำ  ความทุกข์มันก็เป็นขาจร หรือบางคนอาจจะสลับกัน อันนั้นก็แล้วแต่เวรกรรมของแต่ละคน  ซึ่งเพลงนี้สามารถที่จะสื่อความคิด ความรู้สึกของไหมออกมาได้เกือบทุกวรรค ทุกประโยค  บางประโยคนี่ ยังแอบคิดว่า  เอ๊ะ ! นี่เค้าแอบมารู้ความรู้สึกเราได้ยังไงกันนี่
    ..........................................................................

สิ่งเหล่านี้ก็ต้องยกเครดิตให้ผู้แต่ง  Paul Anka  ซึ่งใช้คำได้เฉียบ ครอบคลุมได้ทุกความรู้สึก  ที่มาที่ไปของ เพลงนี้ เกิดมาจาก Paul   ได้ฟังเพลงฝรั่งเศสเพลงนึง ชื่อว่า  Comme d'habitude  ตอนที่เขาไปพักผ่อนที่ฝรั่งเศส  หลังจากนั้น สองปีต่อมา  ระหว่างที่ Paul  ทานอาหารเย็นกับ Frank  ที่ฟลอริด้า  ก็คงจะพูดคุยกันตามประสาเพื่อนๆ  แล้ว Frank ก็บ่นเรื่องธุรกิจขึ้นมา ว่าจะเลิกทำแล้ว มีปัญหา  ฯลฯ ( เค้าคงคุยกันเยอะ แต่เรารู้แค่นี้ก็พอแล้วนะ)
            เท่านั่นล่ะ  พอ Paul Anka  บินกลับนิวยอร์ค  ก็กลับไปเขียนเพลงให้กับ Frank  โดยใช้ทำนองเดิมของเพลงฝรั่งเศสเพลงนั้น และเปลี่ยนเนื้อร้องเสียใหม่ ให้เข้ากับเรื่องราว  (อ้อ.. ลืมบอกไปว่า Paul  เค้าติดต่อเรื่องลิขสิทธิ์ทำนองเรียบร้อยตั้งแต่ที่ฝรั่งเศสแล้ว เค้ารู้ดีว่า เรื่องแบบนี้สำคัญ)   เค้าเริ่มต้นเขียนเพลงนี้ตอนตี1 เขียนไปก็คิดไป ว่า เอ๊! นี่ถ้าเป็นเจ้า Frank เนี่ย  มันจะพูดประโยคนี้ว่าอะไรน๊า  ถ้าเป็นมัน  มันจะเขียนว่าอะไรน๊า  ...ง่ายๆเลย คือ เขาคิดที่จะให้เพลงนี้ เป็นเพลงที่เหมือนกับสื่อสารมาจาก Frank Sinatra   จริงๆ ใช้คำแบบที่เป็น Frank   ถ่ายทอดในแบบที่เป็น Frank

ตอนตี 5 เพลงนี้เสร็จเรียบร้อย  และเค้าก็โทรหา Frank  บอกว่า เฮ้ย! อั๊วมีอะไรพิเศษ ๆ จะให้ลื้อ  ( เอิ่ม  นี่มันหนังฝรั่งหรือว่าหนังเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้กันแน่เนี่ย  )  และเพลงนี้ Paul Anka  บอกว่า Frank เท่านั้น!  ต้องเป็นคนนี้เท่านั้น+  เพราะเพลงนี้ แต่งมาเป็นพิเศษสำหรับ Frank Sinatra  คนเดียว  คนอื่นจะเอาไปร้องเนี่ย มันไม่ใจ  เพลงนี้เลยได้บันทึกเสียง เมื่อ 30ธันวาคม 1968
..........................

 .. แต่เชื่อหรือไม่ว่า หลังจากFrank ออกซิงเกิ้ลนี้ไปได้แว๊บเดียว  Paul Anka ก็เอาเพลงนี้มาบันทึกเสียงเอง ... เฮ้อ  อะไร อะไร มันก็ไม่แน่นอนจริงๆ



                                                                                              ขอมอบรอยยิ้ม ให้กับอุปสรรคทั้งมวล

                                                                                     21.30  น.    คืนวันอาทิตย์ ที่ 12 พฤษภาคม 2556

                                                                                                                             ไผ่แก้ว


ปล.  จากการกลับไปอ่านบทความก่อนๆ ที่เขียนไว้  และได้รับคำแนะนำจากที่ปรึกษา  จึงขอนำเอาเนื้อเพลงและคำแปลมาใส่ไว้ด้านล่างบทความ น่าจะเกิดประโยชน์สำหรับทุกท่าน มากขึ้น ( หรือท่านใดว่าอย่างไร ก็แนะนำมาได้นะคะ)



MY WAY : Frank Sinatra 
And now, the end is near ;                                                 ตอนนี้ จุดจบก็ใกล้เข้ามาทุกที   
And so I face the final curtain.                                            ในที่สุดผมก็คงต้องพบกับฉากสุดท้าย
My friend, I’ll say it clear,                                              เพื่อนเอ๋ย ผมจะบอกกันชัดๆเลยนะ
I’ll state my case, of which I’m certain.                           ผมจะเล่าเรื่องราวทั้งหมดของผมให้ฟัง                                                                         
I’ve lived a life that’s full.                                                     ชีวิตที่ผ่านมา ผมใช้มันอย่างเกินคุ้ม                                  I’ve traveled each and ev’ry highway;                             ท่องไปในทุกหัวระแหง
And more, much more than this,                                      และที่สำคัญไปกว่านั้น
I did it my way.                                                              ผมได้ใช้ชีวิต...ในแบบของผม


Regrets, I’ve had a few ;                                                  ถ้าจะถามว่าผมเคยเสียใจไหม? ก็คงมีบ้าง....
But then again, too few to mention.                                   แต่มันก็น้อยเสียจนไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึง
I did what I had to do                                                       ผมทำในสิ่งที่ผมต้องทำ
And saw it through without exemption.                               ผมมองมันทะลุทุกอย่างแบบไม่มีข้อแม้ใดๆ
I planned each charted course ;                                         ทุกเส้นทางผมวางแผนไว้เป็นอย่างดี
Each careful step along the by way,                                 ทุกย่างก้าวผมไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง
But more, much more than this,                                        และยิ่งไปกว่านั้น
I did it my way.                                                                ผมทำมันทั้งหมด...ในแบบของผม...
Yes, there were times, I’m sure you knew                       ใช่ ผมแน่ใจว่าคุณรู้ว่ามีหลายครั้ง...
When I bit off more than I could chew. ...                          ที่ผมทำอะไรเกินตัวไปหน่อย
But through it all, when there was doubt ,            แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มันมีอุปสรรค  อะไรมาทำให้ผมสะดุด
I ate it up and spit it out.                                                 ผมก็จะกัดฟันแลกหมัดกับมัน
I faced it all and I stood tall ;                                           ผมเผชิญหน้ายืนสู้ไม่เคยถอยหนี
And did it my way                                                           และจัดการกับมัน...ในแบบของผม
I’ve loved, I’ve laughed and cried.                                  ผมเคยมีรัก, ผมเคยหัวเราะ ผมเคยร่ำไห้
I’ve had my fill; my share of losing.                      ผมเคยเปรมปรีดิ์....และ ผมก็เคยสัมผัสกับความสูญเสีย
And now, as tears subside,                                             และวันนี้ เมื่อน้ำตาเหือดแห้งลง
I find it all so amusing.                                                     ผมกลับมองว่าทุกเรื่องที่ผ่านมามันช่างน่าขัน
To think I did all that;...                                                   ผมคิดว่าสิ่งที่เคยทำผ่านมาทั้งหลายนั้น
And may I say - not in a shy way,                                                         
อาจจะพูดได้ว่า ผมไม่ละอาย
No, oh no not me,                                                                                  โอ้...ไม่...ไม่ใช่ผมแน่

I did it my way.                                                               ผมทำในวิถีทางแบบของผม
For what is a man, what has he got?                                ก็สำหรับชายคนหนึ่ง เขาจะมีอะไรเล่า?
If not himself, then he has not.                       ถ้าเขาไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง  นั่นก็เท่ากับเขาไม่มีอะไรเลย
To say the things he truly feels;                                       เพื่อที่จะพูดในสิ่งที่เขารู้สึกจริงๆ
And not the words of one who kneels.                           ไม่ใช่คำพูดจากปากของผู้ยอมศิโรราบ
The record shows I took the blows –                              ทุกอย่างบันทึกไว้ว่าผมรับมือได้กับทุกสิ่ง
And did it my way !                                                        และจัดการมัน...ในสไตล์ของผม.....
Yes it was my way.                                                         ใช่แล้ว มันคือวิถีของผม....

Listen MOUZEE (pakdee) RADIO