ณ ปลายสายรุ้ง
งานชิ้นที่ 3 เริ่มต้นดึกขึ้นเรื่อยๆ อันที่จริง
ต้องบอกว่าเข้าสู่วันใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว กว่าจะได้เริ่มต้นงานชิ้นนี้ ..เข้าเรื่องเลยดีกว่า
………………………
ไม่ว่างานชิ้นใด
ของใครคนไหน
ไหมเชื่อว่าต้องเกิดจากแรงบันดาลใจทั้งสิ้น
แรงบันดาลใจของการเขียนครั้งนี้
อยู่ที่เด็กผู้หญิง
คนที่ส่งเสียงเจื้อยแจ้วเจรจาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทุกครั้งที่เจอกัน ความสดใสน่ารักสมวัยของเจ้าตัวน้อย
ทำให้ผู้ใหญ่อย่างเราประทับใจ
ความฉลาดเฉลียวของคุณเธอ ทำให้เราวางใจ(ว่าโตขึ้นคงจะพ้นภัย อันตราย) และนิทานเรื่องซินเดอเรล่า ที่เธอเล่าให้ฟังในช่วงค่ำ
– ดึก นั่นเอง ที่เป็นแรงบันดาลใจในบทความนี้
………………………
การออกเดินทางของชีวิตมนุษย์ อาจเกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่งบนโลกใบกว้าง
ทุกชีวิตต่างออกเดินทางและแสวงหา
ตามความปรารถนา ปลายทางของแต่ละชีวิต
จึงแตกต่างกันไปตามใจปรารถนาของตน
หลายชีวิตยังคงติดอยู่ระหว่างทาง และก้าวเดินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทำได้แค่ชะเง้อมองดูแสงแห่งความสำเร็จที่ขอบฟ้า ในขณะเดียวกัน
ก็ยังมีหลายชีวิตที่กำลังอาบแสงนั้นอยู่ที่ฝั่งฝัน ณ ปลายสายรุ้ง
...................
วันที่ 25 สิงหาคม คศ. 1939 ภาพยนตร์สัญชาติอเมริกัน ความยาว 101 นาที จากบทประพันธ์
ในปี 1900 ของ L. Frank Baum ได้เริ่มออกฉายสร้างความประทับใจแก่ผู้ชม
ในฐานะภาพยนตร์ผจญภัยแฟนตาซี
นับแต่บัดนั้นมาจนถึงบัดนี้ ภาพยนตร์เรื่องนั้น
ได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการกล่าวถึง ในฐานะที่เป็นภาพยนตร์เพลงระดับคลาสสิค
เรื่องนึงของโลก เป็นภาพยนตร์ที่ไม่เคยตาย ไม่เคยหลับ และไม่เคยสิ้นค่า ด้วยเวทมนตร์มายา ของพ่อมดแห่ง Oz …..
The Wizard Of Oz .
สาวน้อย โดโรธี
พลัดพรากจากครอบครัวของเธอที่อาศัยอยู่ในแคนซัส
เพราะลมพายุพัดเธอไปตกอยู่ในดินแดนที่เรียกว่า ออซ เธอพยายามทุกวิถีทาง
ที่จะเดินทางกลับบ้านให้ได้
เธอจึงเริ่มออกเดินทางไปยังเมืองมรกต เพื่อตามหา “พ่อมดออซ ผู้ยิ่งใหญ่” โดยหวังว่าเวทมนตร์คาถาของพ่อมดผู้ยิ่งใหญ่
จะสามารถช่วยให้เธอกลับบ้านได้
ในระหว่างการเดินทางเธอได้พบกับเรื่องราวต่างๆมากมาย
และได้เพื่อนร่วมทาง 3 คน
คนแรกเป็นหุ่นไล่กาที่คิดเสมอว่า ตัวเองนั้นโง่
จึงมีความปรารถนาจะได้เจอพ่อมดออซ เพื่อให้พ่อมดช่วยใส่สมอง ให้ตน คนที่สองคือชายตัดไม้ ที่ร่างกายถูกสร้างด้วยดีบุก
เขาจึงคิดเสมอว่าตัวเองนั้นไม่มีหัวใจ และหวังว่า
พ่อมดจะช่วยทำให้ความปรารถนาที่จะมีหัวใจเป็นจริงขึ้นมาได้ คนที่สามคือ สิงโต ผู้ซึ่งมีอุปนิสัยขลาดกลัว
จึงอยากไปหาพ่อมดออซเพื่อจะขอความกล้าหาญให้กับตน
เมื่อมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน สหายทั้ง 4 จึงร่วมกันออกเดินทางผจญภัยเพื่อให้บรรลุสิ่งที่ตนปรารถนา และเมื่อไปถึงเมืองมรกตอันเป็นจุดหมายปลายทาง
สิ่งที่ทั้ง 4 ได้ค้นพบคือ
แท้จริงแล้วพ่อมดแห่งออซ เป็นเพียงคนธรรมดาจอมปลอมคนนึง ไม่ได้มีเวทมนตร์คาถาใดเลย แม้ทั้ง 4
จะผิดหวังแต่ยังคงตั้งปณิธานที่จะเดินทางร่วมกันต่อไป สุดท้าย ทุกคนก็ได้ค้นพบว่า
สิ่งที่ตัวเองปรารถนาและไขว่คว้านั้น แท้จริงแล้วก็มีอยู่ในตัวของพวกเขาเอง หาใช่ต้องพึ่งพาเวทมนต์ คาถาใด จากพ่อมดคนใดทั้งสิ้น
.........................
ตกลงจะเขียนเรื่องหนัง หรือจะเขียนเรื่องเพลงกันแน่ ! เล่าเรื่องย่อเยอะนิดนึงนะคะวันนี้ เพราะ ย้อนคิดไปถึงสมัยที่เรียน
ที่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน (ก็เหมือนกันนิเทศศาสตร์นั่นล่ะ)
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิชาภาพยนตร์
เป็นวิชาพื้นฐานที่ทุกคนต้องเรียน และ The
Wizard of Oz นี่ก็เป็นเรื่องนึง
ที่สุดคลาสสิค ที่ไม่เรียนไม่ได้ ทั้งดู ทั้งเรียน
ทั้งวิเคราะห์ และ สอบ !
.......................
ภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จถล่มทลาย ไม่ว่าจะเป็นรางวัลออสการ์
ซึ่งเป็นสาขาดนตรี ทั้งรางวัล Best
Original Score และ รางวัล Best
Song จากเพลงสุดคลาสสิค
ที่ชื่อว่า OVER THE RAINBOW ซึ่งเพลงนี้ได้ทำให้นักแสดงสาวผู้รับบท โดโรธี
ได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว เธอคือ JUDY
GARLAND
....................................
Over The Rainbow
Somewhere over the rainbow
Way up high
There's a land that I heard of
Once in a lullaby
จากเพลงกล่อม ยามนอน ที่เคยได้ฟัง
มีดินแดนแห่งฝัน
ณ ฟากฝั่งโน้นของสายรุ้งสูงละลิ่ว
Somewhere over the rainbow
Skies are blue
And the dreams that you dare to dream
Really do come true
ดินแดนแห่งฟ้าสีคราม
ที่ซึ่งแม้ความฝันสูงสุดของเรา
ก็จะกลายเป็นจริง
ณ ฟากฝั่งโน้นของรุ้งรำไพ
Some day I'll wish upon a star
And wake up where the clouds are far behind me
Where troubles melt like lemondrops
วันหนึ่ง จะตั้งจิตอธิษฐานต่อดวงดาว
ขอให้ตื่นมาในดินแดนที่เมฆร้ายคล้อยผ่าน
ความทุกข์ยาก ละลายหาย เหมือนลูกอมรสมะนาว
Away above the chimney tops
That's where you'll find me
Somewhere over the rainbow
เบื้องบน เลยปล่องไฟขึ้นไป
ณ อีกฟากฝั่งของสายรุ้ง
เธอจะพบฉันได้ ณ ที่นั้น
Bluebirds fly
Birds fly over the rainbow
Why then, oh why can't I?
เมื่อบลูเบิร์ด สกุณา
สามารถร่อนถลาข้ามสายรุ้ง
ไฉนเลย ฉันจะไม่อาจข้ามไปได้เช่นกัน
Some day I'll wish upon a star
And wake up where the clouds are far behind me
Where troubles melt like lemondrops
Away above the chimney tops
That's where you'll find me
Somewhere over the rainbow
กับดวงดาว อธิษฐาน วอนความฝัน
ขอไปแดน ซึ่งเมฆควัน ผ่านพ้นหาย
ซึ่งความทุกข์ ปวดร้าว รู้ละลาย
ณ สุดสาย ปลายรุ้ง ฉันรอเธอ
Somewhere over the rainbow
Way up high
There's a land that I heard of
Once in a lullaby
จากเพลงกล่อม ยามนอน ที่เคยได้ฟัง
มีดินแดนแห่งฝัน
ณ ฟากฝั่งโน้นของสายรุ้งสูงละลิ่ว
Somewhere over the rainbow
Skies are blue
And the dreams that you dare to dream
Really do come true
ดินแดนแห่งฟ้าสีคราม
ที่ซึ่งแม้ความฝันสูงสุดของเรา
ก็จะกลายเป็นจริง
ณ ฟากฝั่งโน้นของรุ้งรำไพ
Some day I'll wish upon a star
And wake up where the clouds are far behind me
Where troubles melt like lemondrops
วันหนึ่ง จะตั้งจิตอธิษฐานต่อดวงดาว
ขอให้ตื่นมาในดินแดนที่เมฆร้ายคล้อยผ่าน
ความทุกข์ยาก ละลายหาย เหมือนลูกอมรสมะนาว
Away above the chimney tops
That's where you'll find me
Somewhere over the rainbow
เบื้องบน เลยปล่องไฟขึ้นไป
ณ อีกฟากฝั่งของสายรุ้ง
เธอจะพบฉันได้ ณ ที่นั้น
Bluebirds fly
Birds fly over the rainbow
Why then, oh why can't I?
เมื่อบลูเบิร์ด สกุณา
สามารถร่อนถลาข้ามสายรุ้ง
ไฉนเลย ฉันจะไม่อาจข้ามไปได้เช่นกัน
Some day I'll wish upon a star
And wake up where the clouds are far behind me
Where troubles melt like lemondrops
Away above the chimney tops
That's where you'll find me
Somewhere over the rainbow
กับดวงดาว อธิษฐาน วอนความฝัน
ขอไปแดน ซึ่งเมฆควัน ผ่านพ้นหาย
ซึ่งความทุกข์ ปวดร้าว รู้ละลาย
ณ สุดสาย ปลายรุ้ง ฉันรอเธอ
...........................
เครดิตคำแปล โดยคุณจิระนันท์ พิตรปรีชา
………………………
Over the rainbow เป็นบทเพลงอมตะที่ Judy Garland
บันทึกเสียงไว้ในวันที่ 7
ตุลาคม
1938 เป็นเพลงที่เธอเองพูดถึงอย่างประทับใจว่า “ Over
the Rainbow has become part of my life . It’s so symbolic of everybody’s dream
and wishes that I’m sure that’s why some eople get tears in their eyes when
they hear it. I’ve sung it thousands of times anf it’d still the song that’s
closest to my heart”
...................
ฟังแล้วน้ำตาคลอ ...
หลายๆคนอาจจะคิดว่า เกินจริงหรือเปล่าเนี่ย????? สำหรับคนอื่น ไม่ทราบได้
แต่สำหรับเด็กผู้หญิงคนนี้
เธอทำให้คำพูดของ Judy Garland กลายเป็นจริง
ในรายการ Britain ‘s Got
Talent เธอคือสาวน้อยฟันหลอ ขวัญใจของไหม -- Connie Talbot
……………………………….
ไหมตั้งใจเลือกคลิป ที่แสดงถึงความน่ารัก ความเป็นธรรมชาติ
และพรสวรรค์ในตัวของเด็กผู้หญิงคนนี้มาฝากทุกคน
เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่า
เมื่อถึงเวลา รูปลักษณ์ธรรมดาภายนอก ก็มิอาจปกปิด สิ่งแท้ที่อยู่ภายใน
ในขณะที่เธอเข้าประกวด ในปี 2007 เธออายุเพียง
6 ขวบ และเพลงที่แจ้งเกิดให้เธอ นั่นก็คือ Over The Rainbow ในตอนนี้เด็กผู้หญิงคนนี้เธอเริ่มโตเป็นสาว
และก้าวเข้ามาสู่การเป็นนักร้องอาชีพอย่างเต็มตัว เธอก้าวมาถึงฝั่งฝันได้อย่างที่ตั้งใจ และเธอคงมีความสุขกับการอาบแสงแห่งความสำเร็จที่ขอบฟ้า ณ ปลายสายรุ้ง
แล้วคุณล่ะ
พร้อมที่จะก้าวเดิน หรือยัง
สักวัน เราจะเจอกัน ณ ปลายสายรุ้ง
1.43 น. ย่างเข้าสู่เช้าวันที่ 10 พฤษภาคม 2556
ไผ่แก้ว